ที่สำนักงานชมรมทนายความจิตอาสา อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายชูชาติ มานะรังสรรค์ อายุ 60 ปี โชว์เฟอร์แท๊กซี่นำเอกสารหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดเข้าร้องเรียนกับนายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง หลังถูกคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40-50 ปี แต่งตัวดี อ้างตัวเป็นเจ้าของบริษัทขายอะไหล่รถ เรียกรถให้ไปรับสินค้าก่อนหลอกขอเช่าพระหลวงปู่ทิมราคากว่า 500,000 บาท และนำบัตรเอที่เอ็มของตนไปกดเงินก่อนหลบหนีไป

นายชูชาติ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.65 เวลา 09.30 น. ขณะที่ตนขับรถหาผู้โดยสารบริเวณริมถ.เพรชเกษม เขตบางแค กทม.ได้มีคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 40-50 ปี แต่งตัวดี เรียกรถแท๊กซี่ของตนโดยคนร้ายขึ้นมานั่งเบาะหน้าคู่คนขับ ก่อนจะพูดกับตนว่าทำไมถึงไม่ห้อยพระเอามาแขวนไว้ทำไมหน้ารถ ตนจึงตอบไปว่าแขวนอยู่ที่คอคนร้ายจึงทำที่ขอดู  ก่อนจะพูดว่าพี่มีพระดีน่ะปล่อยเช่าไหม อยากจะเช่าพระไว้ให้ลูกชายที่เพิ่งเรียนจบ พร้อมบอกว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทขายอะไหล่รถที่เรียกรถตนก็จะจ้างให้ไปขนอะไหล่รถไปส่งให้กับลูกค้าราคาเกือบ 1,000,000 บาท ตนเห็นท่าทางคำพูดคำจาเข้าดูดีจึงได้หลงเชื่อบอกว่ามีพระอยู่ที่บ้านอีกหลายองค์ คนร้ายจึงบอกให้ตนพาไปที่บ้านเพื่อจะขอเช่าพระ

เมื่อตนพาไปถึงที่ห้องพักคนร้ายทำที่ดูพระก่อนจะบอกว่าลูกค้าโทรมาตามให้รีบไปรับสินค้า คนร้ายจึงหยิบถุงพระที่มีพระเครื่องอยู่กว่า 50 องค์ ร่วมถึงเหรียญพระหลวงปู่ทิม รุ่นเจริญพรล่าง ราคากว่า 500,000 บาทที่ตนเก็บเอาไว้ไปด้วย หลังจากนั้นตนจึงขับรถไปกับคนร้ายเพื่อจะไปรับสินค้าระหว่างทางคนร้ายบอกว่าส่องดูพระไม่ถนัดเพราะรถมันวิ่งสะเทือนให้จอดรถให้คนร้ายลงที่ร้านกาแฟ คนร้ายจะนั่งรอดูพระอยู่ที่ร้านส่วนตนให้วิ่งไปรับสินค้าที่มีลูกน้องเขารออยู่ที่หน้าร้านอะไหล่ซึ่งอยู่ห่างกันไม่ไกลแล้วค่อยวนกลับมารับคนร้าย โดยคนร้ายบอกอีกว่าราคาสินค้าที่ตนจะไปรับราคาเกือบ 1,000,000 บาทให้ตนเอาบัตรประชาชนกับบัตรเอที่เอ็มส่งมาให้คนร้ายเป็นหลักคำ้ประกัน ตนหลงเชื่อจึงส่งไปให้คนร้ายก่อนจะขับรถไปที่ร้านอะไหล่เพื่อรับสินค้า เมื่อไปถึงที่ร้านสอบถามพนักงานร้านพบว่าไม่มีการสั่งอะไหล่แต่อย่างใด ก่อนจะมีข้อความจากธนาคารแจ้งมาว่าบัญชีตนมียอดเงินถูกถอนออกไป 23,900 บาทจนหมดบัญชี จึงรู้ว่าถูกหลอกรีบขับรถมาดูที่ร้านกาแฟที่จอดรถส่งคนร้ายก็ไม่พบตัวแล้ว ก่อนเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.กระทุ่มแบน แต่คดีไม่มีความคืบหน้าจึงเดินทางมาร้องเรียนกับทนายความให้ช่วยตามเรื่องคดี

นายชูชาติ กล่าวอีกว่าอยากฝากเตือนเพื่อนโชเฟอร์แท๊กซี่ทุกคนให้ระวังคนร้ายรายนี้ อย่ามองคนที่การแต่งตัวดูดี พูดจาน่าเชื่อถือ ก็ไว้ใจไม่ได้ ไม่อยากให้ตกเป็นเหยื่อของคนร้ายเหมือนกับตัวเองต้องเสียพระเครื่องที่สะสมมาทั้งชีวิตกับเงินเก็บในบัญชีทั้งหมด

   ทนายโป้ง กล่าวว่า เบื้องต้นผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว  แต่เวลาล่วงเลยมาหลายสัปดาห์คดีไม่มีความคืบหน้า จากการสอบถามลุงและตนได้โทรสอบถามพนักงานสืบสวนแล้วเห็นว่าคุยไม่ตรงกัน ทางเจ้าหน้าที่จะให้ไปสอบปากคำ ในวันที่ 23 มิ.ย.65 เพื่อพนักงานสอบสวนจะได้สรุปสำนวน คนร้ายที่เอาทรัพย์สินของลุงไป ราคาเป็นแสนและบัตรเอทีเอ็ม จะต้องคุยกับพนักงานสอบสวนว่าจะแจ้งข้อหาอะไร ขึ้นอยู่กับข้อมูลข้อเท็จจริง จึงอยากฝากพนักงานสอบสวน เพราะดูพฤติกรรมคนร้ายแล้วคาดว่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นหลายคนแล้ว ซึ่งลุงเสียหายไปเยอะมาก และมีกล้องวงจรปิดหลักฐานชัดเจน คงจะไม่ยากในการตามตัวคนร้าย

ภาพ/ข่าว  ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าวนนทบุรี