พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบช.ภ.3 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3 ,พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ รอง ผบก.สส.ภ.3/หัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนฯ เข้าสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหา ได้ 6 ราย เป็นหญิง 2 ราย ชาย 4 ราย ในฐานความผิดร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนทั้งหมดได้รับสารภาพ

โดยพฤติการณ์ในคดีกล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 และชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมตำรวจภูธรภาค 3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก เกี่ยวกับการหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยการปลอมเป็นชาวต่างชาติ เพื่อหลอกให้รักหลอกให้หลง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อ จะใช้อุบายว่าจะส่งสิ่งของมีค่ามาให้ หรือติดปัญหาในการเดินทางที่จะมาพบกัน และให้เหยื่อโอนเงินไปเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นหญิงไทยอายุมาก หรือบุคคลอื่นที่ต้องการมีสามีหรือภรรยาเป็นชาวต่างชาติ จึงทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก

จากการสอบถาม น.ส.สถาพรฯ ให้การรับสารภาพว่า ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพใด มีรายได้จากการหลอกลวงผู้อื่น โดยเมื่อประมาณปี 2560 ได้ไปทำงานที่ประเทศมาเลเซีย และได้รู้จักกับชาวต่างชาติ ซึ่งจะเป็นผู้หลอกลวงผู้เสียหาย มีการสนธนาผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่วนตนเองมีหน้าที่จัดหาบัญชีในการโอนเงินและคนกดเงินออก เมื่อมีการโอนเงินเข้ามาแล้ว จะทำการถอนออกทั้งหมด และโอนเงินต่อให้กับผู้ร่วมขบวนการซึ่งมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ลักษณะเป็นกลุ่มแก๊งโดยแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อให้ยากต่อการจับกุม ส่วนตนเองจะได้รับผลประโยชน์ตามเปอร์เซ็นต์จากเงินที่ผู้เสียโอนเข้ามา ซึ่งจากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่ามีผู้เสียหายหลายร้อยราย ยังพบอีกว่ามีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้าแจ้งความ และยังมีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยทำมาแล้วประมาณ 4 ปี มีลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำมูลค่าความเสียหายมากกว่า 120 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่ง สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตามนโยบายของรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มมิจฉาชีพ ที่มีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะการหลอกลวงหรือฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางออนไลน์ อันเป็นการซ้ำเติมปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

https://youtu.be/xdGVk-oEUvU

ภาพ-ข่าว / อภิรักษ์ ศรีอัศวิน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครราชสีมา