ที่จังหวัดนครปฐม ณ หน้าอาคารตำรวจภูธรภาค 7  ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์  ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.นัยวัฒน์     ผะเดิมชิต รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.อาทิชา  เปาอินทร์  รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์  รอดมา  รอง ผบช.ภ.7 และ พล.ต.ต.ปรัชญา  ประสานสุข รอง ผบช.ภ.7ฝ่ายความมั่นคง มีความห่วงใยประชาชนในห้วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 2565 ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อเยี่ยมเยียนบิดา มารดา ญาติพี่น้อง รดน้ำดำหัวขอพรญาติผู้ใหญ่ตามประเพณีและพักผ่อนในแต่ละภูมิภาคเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเดินทางดังกล่าวอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการสัญจรของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการก่อความ  ไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นได้ ประกอบกับสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)    ยังมีสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ไม่น่าไว้วางใจ รัฐบาลได้ขอความร่วมมือประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ว่าจะได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในช่วงเทศกาลสงกรานต์

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม  การรักษาความสงบเรียบร้อย และการดูแลอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การป้องกันและลดอุบัติเหตุ ทางถนนในห้วงวันหยุดยาวให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างอาชญากรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565  ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ โดยมีเป้าหมายการดำเนินการ ได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับการพนัน ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ การสืบสวนจับกุมบุคคลตามหมายจับ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (การหลอกลวงออนไลน์ทางด้านการเงิน การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย การเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรีทางอินเทอร์เน็ตและค้ามนุษย์ออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติและอื่นๆ)

 พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์  ผบช.ภ.7, ควบคุมการปฏิบัติและสั่งการให้ ตำรวจภูธรจังหวัด ทั้ง 8 จังหวัด และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 บูรณาการร่วมกับทหารและฝ่ายปกครองในพื้นที่รับผิดชอบ ปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดพร้อมของกลาง ดังนี้

อาชญากรรมทั่วไป    จับกุม 5,252  ราย ผู้ต้องหา  5,514  คน แยกเป็นความผิดเกี่ยวกับการพนัน   ​จับกุม   1,687  ราย ผู้ต้องหา  1,932  คนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด   ​จับกุม   2,244  ราย ผู้ต้องหา  2,260  คนความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ  ​จับกุม  588  ราย ผู้ต้องหา  588  คนความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จับกุม  659  ราย ผู้ต้องหา  660  คน​ความผิดเกี่ยวกับวัตถุระเบิด  ​จับกุม    70  ​ราย ผู้ต้องหา   70    คนความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ  ​จับกุม     4   ​ราย ผู้ต้องหา  4  คอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  จับกุม  1,490  ราย ผู้ต้องหา  1,456  คน  แยกเป็นการหลอกลวงออนไลน์ทางด้านการเงิน  จับกุม  4 ราย  ผู้ต้องหา 4 คนการหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย จับกุม  1  ราย ผู้ต้องหา  1  คนการเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จับกุม  89  ราย ผู้ต้องหา 50  คนการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรีทางอินเทอร์เน็ตฯ จับกุม 15 ราย ผู้ต้องหา 15 คนการพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และอื่นๆ  จับกุม 1,381 ราย  ผู้ต้องหา 1,386  คนจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ  ​จับกุม  845    หมาย ผู้ต้องหา  832   คน​

สรุปผลการจับกุมทั้งสิ้น จับกุม   7,587  ราย ผู้ต้องหา 7,802  คน  พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืน        638   ​กระบอก, กระสุนปืน  2,617   นัด ยาบ้า 145,461  ​เม็ดไอซ์​  1,762 ​กรัมเฮโรอิน 295 ​กรัม​ในการปฏิบัติการในครั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 7 ขอขอบพระคุณทุกภาคส่วนและพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ตำรวจภูธรภาค 7 จะมุ่งมั่นทำงานตามวิสัยทัศน์ของ ผบช.ภ.7 ที่ว่า “ทำงานเชิงรุก เป็นตำรวจมืออาชีพ เพื่อความผาสุกของประชาชน” โดยจะทำการปราบปรามอาชญากรรมในทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเมื่อมั่นศรัทธาและมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเพื่อให้นโยบายของรัฐบาล รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดอีกด้วย

https://youtu.be/8q5plRM-DaA

ภาพ-ข่าว THAREFERENCE จ.นครปฐม