จากกรณีเจ้าหน้าที่ปกครอง เข้าจับกุมดาบตำรวจ ภูวเมศฐ์ และนายมานัส สองผู้ต้องหา ที่เรียกรับเงินจากสถานบันเทิงและผู้ประกอบการร้านอาหารย่านบางใหญ่ พร้อมของกลางเงินสดจำนวน1แสนบาท โดยทั้งสองคน ให้การซัดทอดว่า ทำหน้าที่เก็บเงิน และนำไปส่งให้กับนายแป๊ะ ส่วนนายแป๊ะนำเงินไปให้ใครนั้นยังไม่ทราบ ก่อนที่ทั้งสองคนได้รับการประกันตัวแล้ว

ล่าสุดพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ ไปยื่นศาลจังหวัดนนทบุรีออกหมายจับนายแป๊ะ ข้อหา กรรโชกทรัพย์ผู้ประกอบการ และอยู่ระหว่างติดตามจับกุม นายแป๊ะมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทางด.ต.ภูวเมศฐ์ เข้าพบ ร.ต.ท.ภคภณ ณ นคร รอง สว.สอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ลงบันทึกประจำวัน โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2565 เวลาประมาณ 19.30 น. ขณะที่ตนกำลังขับรถยนต์โตโยต้าอัลติส สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ออกจากห้างสรรพสินค้าได้ถูกนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมชุดจับกุม ซึ่งทุกคนมีอาวุธปืนครบมือ ได้ข่มขืนใจให้ตนเกิดความตกใจกลัว และบังคับให้ออกจากรถ โดยที่ไม่แจ้งให้ทราบว่าตนกระทำผิดอะไร ข้อหาใด จนเป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บและได้รับความเสียหาย

ซึ่งจากนี้จะพิจารณาข้อกฎหมาย อาจจะมีการแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ พนักงานฝ่ายปกครองและชุดจับกุม ตามกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง ที่ระบุว่า ถ้าความผิดตามวรรคแรกได้กระทำโดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป หรือได้กระทำเพื่อให้ผู้ถูกข่มขืนใจทำ ถอน ทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารสิทธิอย่างใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาจับกุมไม่ชอบ และข้อหาปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ หรือปรากฏว่าผิดกฎหมายใดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้จนกว่าคดีจะถึงที่สุด หลังแจ้งความแล้ว ด.ต.ภูวเมศฐ์ และนายมานัส ได้เดินทางกลับไปพร้อมญาติ

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต จ.นนทบุรี