แกนนำพรรคเพื่อไทยลงพื้นที่เก็บข้อมูล กลุ่มวิสาหกิจชุมชน จ.กาฬสินธุ์ เยี่ยมชมโรงงานผลิต “น้ำหมักขี้ปลา คมเดชฟาร์ม” และแปลงปลูกเกษตกรที่ใช้นำหมักขี้ปลาจาก “คมเดชฟาร์ม” เพื่อผลักดันสู่นโยบาย ตามแนวทาง “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ให้กับเกษตรกรฐานราก ซึ่งเป็นภาระกิจหลักของพรรค

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่เก็บข้อมูลภาคการเกษตรกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์รวมสุขภาพธรรมชาติบำบัด สภาวะแวดล้อมเกษตรอินทรีย์ธรรมโชติ โดยเข้าเยี่ยมชนโรงงานผลิต “นำหมักขี้ปลา คมเดชฟาร์ม” พร้อมเยี่ยมชมแปลงปลูกของเกษตรกรที่ใช้นำหมักขี้ปลาคมเดชฟาร์ม และพบปะพี่น้องประชาชน เกษตรกรฐานราก ณ บ้านศรีสว่าง หมู่ 12 ต.หนองบัว อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเก็บข้อมูลภาคการเกษตร พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อสานต่อแนวทาง “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” สู่นโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยมี นายคมเดช ไชยศิวามงคล สส.เขต 3 จ.กาฬสินธุ์ นายหาญ อัศวภูมิ นายก อบต.หนองบัว, รศ.ดร.สังคม ศรีโคตร ปลัด อบต.ฯ พร้อมด้วยฝ่ายบริหาร ส.อบต.กลุ่มแม่บ้านเกษตรกร กลุ่มวิสหกิจชุมชน ต.หนองบัว ร่วมให้การต้อนรับ และเปิดเผยข้อมูลผลผลิตจากแปลงเกษตรหลังใช้น้ำหมักขี้ปลาคมเดชฟาร์ม นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เปิดเผยว่า ประเทศไทยเรายังต้องพัฒนาด้านการเกษตรได้อีกเยอะ ซึ่งมีนักวิชาการหลายท่านนยืนยันตรงกันว่าพืชของประเทศไทยมีปัญหาอยู่ตรงที่ว่า พืชกินไม่อิ่ม ซึ่งอาจเป็นเพราะ พืชขาด ปุ๋ย น้ำหมักชีวภาพ จุลินทรีย์ในการย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ให้เป็นอาหารของพืชไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในเรื่องของน้ำหมักชีวภาพ อย่างเช่น ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ท่าน สส.คมเดช ไชยศิวามงคล และทีมงาน ได้มีการพัฒนา “น้ำหมักขี้ปลาคมเดชฟาร์ม” จนเป็นที่ยอมรับ เมื่อนำไปใช้กับพืชในแปลงเกษตรของพี่น้องเกษตรกร สามารถเพิ่มผลผลิตจากเดิมได้เป็นอย่างดี เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ให้กับเกษตรกร

ซึ่งในครั้งนี้ ได้ลงพื้นที่มายังสวนปาล์มของ นายกหาญ อัศวภูมิ เกษตรกรตัวจริงของตำบลหนองบัว และก็ได้เห็นแล้วว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในเรื่องของจุลินทรีย์ จากน้ำหมักขี้ปลาคมเดชฟาร์ม ทำให้พืชมีการพัฒนาเติบโตได้เป็นอย่างไร โดยจะนำความรู้ที่ได้จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ไปประกอบกับทีมงานเพื่อนำกลับมาเป็นนโยบายสำคัญของพรรค นำกลับมาเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนชาว ไม่เฉพาะจังหวัดกาฬสินธุ์ และภาคอีสาน หรืออาจจะหมายถึงทั้งประเทศด้วย

สำหรับการเลือกตั้งในสมัยหน้า นายกิตติรันต์ กล่าวว่า การเป็นนักการเมืองที่ดี สิ่งสำคัญของพวกเรา คือ หัวใจต้องประชาชนก่อน และการที่ประชาชนจะมีความสุขได้ หมายถึง การที่ประชาชนมีรายได้ มีอาชีพ การกินดีอยู่ดี เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในปัจจุบัน สส.ของพรรคเพื่อไทย มุ่งมั่นทำในเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว เช่นเดียวกันกับที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เรามี สส.ที่มีความมุ่งมั่นในเรื่องที่กล่าวมาแล้วเป็นอย่างมาก ก็อยากให้คนรุ่นใหม่เอาเป็นแบบอย่างในการทำงานต่อไป ส่วนผู้ที่จะเสนอตัวเข้ามาทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย เราก็จะต้องทราบให้ได้ว้าท่านเป็นคนที่จะต้องการดูแลประชาชนอย่างพวกเรา แต่ถ้าใครที่อยากจะมาแค่เป็นใหญ่เป็นโตในหน้าที่ทางการเมือง พรรคก็จะไม่เลือกเข้ามาทำงานร่วมกับเรา

ด้าน คมเดช ไชยศิวามงคล สส.เขต 3 จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่นำน้ำหมักขี้ปลาไปใช้ได้ประมาณ 2 ปี ก็ได้รับการยอมรับ เพราะว่าใช้ได้ผลดีมาก จึงอยากจะผลักดันน้ำหมักขี้ปลาเข้าไปสู่การเมือง เพื่อขยายผลสิ่งที่ดีๆให้พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ทั่วประเทศ โดยในระบอบประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยเอาประชนชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งถ้ามีประชาชนที่เป็นเกษตรสักครึ่งหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะในยุคปัญหาเกี่ยวกับพลังงานและค่าปุ๋ยแพง เราก็ควรที่จะใช้วิกฤตตรงนี้เป็นโอกาสที่จะผลักดันเข้าไป ซึ่งจะสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้อง แก้ไขปัญหาเรื่องหนี้สิน และแก้ไขปัญหาในเรื่องของแรงงานได้ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ นายหาญ อัศวภูมิ นายกอบต.หนองบัว ซึ่งเป็นเกษตรกรตัวอย่างนำร่อง ปลูกปาล์ม มานานกว่า 8 ปี เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ได้ใช้น้ำหมักขี้ปลา กับสวนปาล์ม จำนวน 40 ไร่ พบว่า จากเคยเก็บผลผลิตเดือนละ 2 ครั้งๆละ 7-8 ตัน เมื่อใช้น้ำหมักขี้ปลา สามารถเก็บผลผลิตได้เพิ่มเป็นครั้งละ 17-18 ตัน จึงขอเชิญชวนพี่น้องเกษตรกร หันมาใช้น้ำหมักขี้ปลาคมเดชฟาร์ม ซึ่งช่วยให้ท่านสามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้เป็นอย่างดี

ภาพ-ข่าว อาทิตย์ จ.กาฬสินธุ์