นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พร้อม ผกก. สน.เทียนทะเล และหัวหน้าบ้านพักเด็กฯ กรุงเทพ ได้หาแนวทางช่วยเหลือ นายเพลิน อาชีพขับรถแท็กซี่ อายุ 42 ปี กับลูกสาว 2 คน อายุ 5 ขวบ และ 9 ขวบ หลังตกเป็นข่าวดื่มน้ำยาล้างห้องน้ำในรถแท็กซี่ต่อหน้าลูกน้อย โดยนายเพลิน กล่าวว่า วันที่ 11 ม.ค. ตนออกไปขับรถแท็กซี่ตามปกติ โดยมีลูกสาวทั้ง 2 คน นั่งรถไปด้วย ระหว่างที่จอดพักรถตนกินน้ำโกโก้ที่ลูกสาวซื้อมาก่อนจะสำลักและเผลอหลับไป มารู้ตัวอีกทีตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนขวดน้ำยาล้างห้องน้ำมีอยู่ในรถจริง  แต่เป็นน้ำยาเช็ดกระจกรถ และ ได้เห็นข่าวโชเฟอร์แท็กซี่กินน้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตาย ตนเองก็งงว่าไปฆ่าตัวตายตอนไหน และยังถูกสังคมตำหนิด้วยว่าพาลูกสาวทั้ง 2 คนไปฆ่าตัวตาย


นายเพลิน กล่าวว่า เคยเข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา แจ้งว่า ต้องการดำเนินคดีกับนางเอ๋ (นามสมมุติ) ภรรยาที่อยู่กินกันมา 8 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน อายุ 5 ขวบ กับ 3 ขวบ และตนมีลูกติดจากภรรยาคนเก่าอีก 1 คน เป็นลูกสาวคนโตอายุ 9 ขวบ เหตุเพราะนางเอ๋ ได้หนีออกจากบ้านไปตั้งแต่เดือน พ.ย.65 หลังมีปากเสียกับตน และยังตามหาตัวไม่พบ


หลังนางบีออกจากบ้านไป ลูกสาว 9 ขวบได้บอกกับตนว่าถูกแม่เลี้ยงทุบตีเป็นประจำ บางครั้งก็ใช้หมอนปิดหน้าอุดปากจนแทบหายใจไม่ออก และใช้เท้าเหยียบหน้า หลังภรรยาหนีไปตนต้องพาลูกสาว 2 คน 9 ขวบ กับ 5 ขวบ นั่งรถแท็กซี่ไปด้วยตลอดเวลา เพราะเด็กบอกว่าไม่อยากอยู่กับย่าที่บ้าน ย่าเป็นคนขี้บ่น
ขณะเดียวกันนางปวีณา เป็นห่วงสวัสดิภาพหนูน้อยทั้งสองคนที่ต้องนั่งรถแท็กซี่ไปกับพ่อตลอดเวลาและเด็กๆ จะต้องได้เรียนหนังสือ นางปวีณาจึงได้ประสาน นางสาวกุลจิรา โฉมไสว หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวกรุงเทพมหานคร เดินทางไปพบกับนายเพลินที่ สน.เทียนทะเล จะลงพื้นที่เยี่ยมบ้านพร้อมอธิบายเรื่องการเลี้ยงดูลูกให้เหมาะสม จากนั้นทางบ้านพักเด็กฯ กรุงเทพ ได้ทำบันทึกข้อตกลงกับนายเพลิน ที่ สน.เทียนทะเล ว่าจะไม่พาลูก ๆ ออกไปวิ่งรถแท็กซี่อีก ให้เด็กๆ อยู่ในความดูแลของย่าและต้องได้เรียนหนังสือ ซึ่งนายเพลินก็ได้เซ็นยินยอมตามข้อตกลงดังกล่าว

ภาพ-ข่าว THAIREFERENCE