พนักงานสอบสวน สภ.แม่จันได้นำตัว นายนายเฉลิมศักดิ์ สงวนนามสกุล หรือนาย ปิง  แก๊ง แวร์วูฟ อายุ 28 ปี ชาว ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย  มาทำการสอบปากคำเพื่อขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุทำร้ายร่างกายจนมีผู้บาดเจ็บ โดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แม่จันภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ทรรศ์ธนสรณ์ จุฑารัตน์ ผกก.สภ.แม่จัน  พ.ต.ท.กุลชาติ ศักดิโยธินธาดา รอง ผกก.สส.สภ.แม่จัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.แม่จัน จ.เชียงราย นำโดย พ.ต.ต.สำเริง สิทธิวรปัญญา สว.สส.  ร.ต.อ.วชิรพัตช์ วรรณสอน ร.ต.อ.ผดุง ท้ายเรือคำ พร้อมพวก ได้นำหมายจับศาลจังหวัดเชียงราย ที่ 193 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ทำการจับกุม นายนายเฉลิมศักดิ์ สงวนนามสกุล หรือนาย ปิง  แก๊ง แวร์วูฟ พร้อมของกลางมีดดาบ 1 เล่ม และกระสุนขนาด .45 จำนวน 3 นัด

โดยการจับกุมในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่จัน ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุใช้อาวุธมีดไล่ฟันและรุมทำร้าย คนที่รวมกลุ่มกันหลายครั้งในพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้วหลายราย จึงได้ออกติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุ จนกระทั่งทราบว่าเป็นการก่อเหตุของ แก๊ง แวร์วูฟ โดยมีนายปิง เป็นหัวหน้าแก๊ง จะรวมกลุ่มกันตระเวณไปตามแหล่งต่างที่มีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกัน แล้วจะเข้าไปทำร้ายโดยที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน จนทำให้ประชาชนทั่วไปหวาดกลัว  และมีการโพสข้อความบนเฟสบุ๊คข่มขู่ ข้อความว่า “ลูกปืนบะมีตาเน้อ ขึ้นเสียงใส่ฮานิ”

หลังจากทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นใครจึงได้ออกติดตาม และได้ขออนุมัติศาลจังหวัดเชียงรายออกหมายจับ และได้ติดตามไปที่พัก พื้นที่หมู่ 15 ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย โดยพบนายปิง อยู่ภายในบ้าน ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับและทำการควบคุมตัว โดยนายปิงยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ให้นำเจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในบ้าน พบกระสุนขนาด .45 จำนวน 3 นัดและมีดาบจำนวน 1 เล่ม อยู่ภายในห้องพัก โดยนายปิง รับสารภาพว่าของกลางทั้ง 2 รายการเป็นของตนเองจริง ส่วนที่โพสเฟสบุ๊คว่ากระสุนไม่มีตานั้น เป็นเพียงเพราะความคึกคะนอง ซึ่งไม่ได้มีปืนแต่อย่างใด

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายปิง พร้อมของกลาง มาสอบสวนที่ สภ.แม่จัน โดยนายปิง ได้ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหลา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำร้ายรับอันรายสาหัส และพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร” ก่อนจะส่งมอบให้กับพนักงานสบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฝากเตือนกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนอง และผู้ร่วมกระทำผิดหากยังมีการกระทำผิดซ้ำซากจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด

ภาพ-ข่าว ณัฐวัตร ลาพิงค์/เชียงราย