นายบุญธรรม ทองพิจิตร นายอำเภอเมืองอุทัยธานี ได้รับแจ้งเหตุจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.เนินแจง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ว่ามีชายคล้ายคนเมาสุรา ไม่มีสติ พูดจาไม่รู้เรื่อง บุกรุกเข้าไปในบ้านของชาวบ้าน โดยเจ้าของบ้านไม่ยินยอมให้อยู่เกรงว่าจะทำร้ายคนภายในบ้าน เพื่อประสานให้เจ้าหน้าที่นำตัวชายดังกล่าวออกจากบ้านไป หลังจากทีได้รับแจ้งนายอำเภอเมืองอุทัยธานีพร้อมด้วยนายชัยชนะ โฉมงาม ปลัดป้องกันอำเภอเมืองอุทัยธานี อส.อ.เมืองอุทัยธานีที่ 2 ร่วมกับ พ.ต.ท.มานพ ชาวไร่ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุทัยธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอุทัยธานี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนันในพื้นที่ลงระงับเหตุ เมื่อถึงบ้านที่เกิดเหตุบ้านหลังดังกล่าว
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงทราบชายคนดังกล่าวชื่อนายชูเกียรติ ลักษณะพูดจ๋าไม่รู้เรื่อง ลักษณะคล้ายคนเมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าสอบถามเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกันกับชายคนดังกล่าว ได้ความว่าเป็นญาติห่างๆ แต่ไม่สนิท อยู่ดี ๆ ก็เข้าไปอยู่ในบ้านโดยไม่ยินยอม และไม่ยอมออก ขอให้เจ้าหน้าที่พาตัวออกไปส่งให้ญาติด้วย
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเจรจากับนายชูเกียรติ ให้ออกจากบ้านหลังดังกล่าว แต่พูดจ๋าวกวนไปมาไม่รู้เรื่อง โดยไม่ยินยอมออกไปเจ้าหน้าทีจึงได้ควบคุมตัว และสอบถามนายชูเกียรติ ว่าเหตุใดจึงไม่ยอมอยู่บ้านตัวเอง โดยนายชูเกียรติ ได้ตอบเจ้าหน้าที่ว่าอยู่บ้านไม่ได้ จะมีคนมาทำร้าย เหมือนอาการของคนมีปัญหาสุขภาพจิตจากการใช้สารเสพติดมาก จนประสาทหลอน จึงได้สอบนายชูเกียรติ ต่อว่าได้เสพยาเสพติดมาหรือเปล่า นายชูเกียรติยอมรับว่าตนได้ดูดกัญชามาจริง และได้ปลูกไว้ที่บ้านเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบที่บ้านของนายชูเกียรติ พบต้นกัญชา 3 แปลงจำนวนหลายสิบต้น และได้ปลูกไว้ข้างบ้านเป็นจำนวนมาก
โดยนายชูเกียรติ อ้างว่าปลูกกัญชาไว้เคี้ยวเป็นยา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้สนธิกรรมลังช่วยกันตัดต้นกัญชา และนำมานับชั่งรวมได้ 5.5 กิโลกรัม จึงได้นำตัวนายชูเกียรติ เสืออุดมพร้อมแจ้งข้อกล่าวว่า ผลิต และมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในการครอบครอง โดยผิดกฎหมาย เสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 (กัญชา) โดยผิดกฎหมาย โดยนายชูเกียรติ รับสารภาพข้อกล่าวหา และได้นำส่งพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุทัยธานีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ภาพ-ข่าว นายพชร พัสกุล สมาคมสื่อมวลชนอุทัยธานี