ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสุนันท์ พรรณทัศนกุล บ้านเลขที่ 190 หมู่ 1 บ้านร่องมะดูก ต.หูช้าง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี  ว่าตนเองมีอาชีพเปิดร้านทำโรงกลึงอยู่ที่บ้านทัพหลวง อ.บ้านไร่ และมีสวนอยู่ที่ติดกลับอ่างเก็บน้ำตลึงตรัง หมู่ 1 บ้านร่องมะดูก และ ได้ปลูกกระท่อมไว้หนึ่งหลังทีนั้น  เพื่อพักผ่อน และเก็บข้าวของต่าง ๆ ไว้ที่นั้น  และก่อนหน้านั้นตนเองมีภรรยาคนหนึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว และได้มีลูกสาวคนหนึ่งชื่อ น.ส.สุพรรณษา แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันจนมาช่วงหลัง เมื่อ 3 ปีก่อน   ตนเองทราบว่าลูกสาวที่ได้มีสามีแล้วชื่อนายนิรันดร์  เทพพร  ซึ่งมีอยู่บ้านอยู่ จ.กำแพงเพชร  หลังจากนั้นก็มีลูกด้วยกัน 3 คน  โดยได้อาศัยอยู่ ที่ จ.กำแพงเพชร  หลังจากนั้นทางน.ส.สุพรรณษา ลูกสาวได้ติดต่อกับตนเองว่าขอมาอยู่ที่บ้านกับพ่อได้รึเปล่า  จ.อุทัยธานี ตนเองก็ตอบว่าได้แต่ให้ไปอยู่ที่บ้านสวนก่อน และพอมีงานทำก็ออกไปหาห้องเช่ากันอยู่  หลังจากนั้นทั้ง 2 สามี ก็ย้ายมาจาก จ.กำแพงเพชร พร้อมด้วยลูก ๆ มาอยู่ที่บ้านสวน  และใหม่ลูกเขยก็ทำงานบ้าง  ไม่ทำบ้าง  ตนเองหลังจากว่างงานก็เข้าไปดูของที่บ้านสวน ทีให้ลูกสาวและลูกเขยอยู่กัน แต่ช่วงหลังมาพบว่าสิ่งของทีนำมาเก็บไว้ ข้าวของในบ้านหายไปจากบ้าน  หลังจากนั้นได้มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า ลูกเขย และลูกสาวตนเองนั้นไม่ทำงานกัน  เชี่ยวตระเวรลักทรัพย์ในหมู่บ้าน จนชาวบ้านผวากันแทบ ๆ พอได้เงินมาก็นำไปซื้อยาบ้า มาเสพทั้ง 2 สามีภรรยา ส่วนอาหารนั้น ช่วงสายๆ ของทุกวัน 2 สามีภรรยา จะอุ้มลูกอีก 2 คน ไปขอข้าวพระที่วัดร่องมะดูก ส่วนลูกอีกคนนั้น อายุ 1 ขวบปล่อยทิ้งไว้ในกระท่อมเพียงคนเดี่ยวจนตนเองมาเจอในช่วงสายว่าเด็กอยู่คนเดียว เป็นทีหน้าเวทนา ตนเองจึงรีบไปซื้อนมมาให้ดื่ม พร้อมกับแจ้งกับผู้ใหญ่บ้าน และเพื่อนบ้านมาดู ว่าจะแก้ปัญหากันอย่างไร แจ้งตำรวจก็ไม่รับแจ้ง ตนเองต้องการเอาผิดกับลูกเขยตัวแสบ     

 ตนเองนั้นทนพฤติกรรมของของลูกเขย และลูกสาวตนเองไม่ไว้ เนื่องจากทั้ง 2 คนติดยาบ้า และเป็นคนที่ไม่ออกไปทำมาหากิน ชอบประพฤติตนเชี่ยวขโมยของภายในบ้าน และของเพื่อนบ้าน จนชาวบ้านร่องมะดูก ผวากันเป็นแถว  โดยบ้างบ้านนั้นจะไม่ทิ้งบ้านไปไหนกัน  ซึ่งบ้านตนเองนั้นได้มีทรัพย์สินที่หายไป เช่น บานประตูใหญ่เป็นกระจก 2 บาน เสาไม้สักแลม และเหลี่ยม สังกะสี 10  ฟุต อีกหลายแผ่น กระเบื้องกล่องใหม่อีกหลายกล่อง  อุปกรณ์ในการการทำไร่ เช่นกระจอบ มีดต่าง ๆ สายไฟฟ้าภายในบ้านทั้งหมด กรงเหล็กขังไก่ และอื่น ๆ อีกหลายรายการทีหายไป ตนเองจึงไปแจ้ง  กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านไร่ ถึง 4 ครั้ง  เพื่อดำเนินการกับลูกเขยตัวแสบ  แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าไม่มีหลักฐานอะไร ในการที่มาแจ้งความให้ตนเองไปหาหลักฐานมา หลังจากนั้นตนเองได้มาบังคับนายนิรันดร์ ลูกเขย และ น.ส.สุพรรณษา ลูกสาวตนเอง จนยอมรับว่านำกระบานประตู และบานกระจก ไปขายให้คนที่หมู่ 6 ในราคา 300 บาท หลังจากนั้นตนเองได้บังคับให้ นายนิรันดร์ ลูกเขยพาไปยังที่นำสิ่งของไปขาย จนตนเองไปเจอสิ่งของตนเอง  แต่ไม่พบเจ้าของบ้าน จึงได้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนั้นก็นำมาให้ให้ตำรวจ แต่ก็ไม่ทำอะไร จึงร้องสื่อมวลชนช่วยดังกล่าว

ด้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 บ้านร่องมะดูก น.ส.สุภา จูเปี่ย  กล่าว ก่อนหน้านั้นประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมา 2 สามีภรรยามาอยู่ใหม่ ๆ ก็ยังไม่มีอะไร แต่มาช่วงหลังนี่ ตนเองได้รับแจ้งจากชาวบ้านตลอดว่ามีของหาย เช่นสายยางรดน้ำในสวนอ่างตรึงตรัง ก็หาย แต่ก็ไปหาของกลางไม่ได้ แต่ตนเองเชื่อว่าน้าจะเป็นฝีมือของนายนิรันดร์ เนื่องจากมีบ้านอยูติดกับอ่างแน่นอน ด้านชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ติดกลับกระท่อมสองสามีภรรยา กล่าว่าช่วงสาย ๆ เห็นสองสามีภรรยานั้นหอบลูก 2คนเดินไปที่วัด เพื่อทีจะไปขอข้าวกลับพระ  โดยได้ทิ้งลูก คนเล็กอายุ 1 ขวบเศษ ไว้ในกระท่อม ตนเองได้ยินเสียงเด็กร้องก็ไม่กล้าออกไปดู   ส่วนการทะเลาะกันเป็นประจำ12 ช.ม.ก็ทะเลาะกัน 8 ช.ม.เวลาไม่มียาบ้าเสพ ซี่งตนเองนั่งอยู่หลังบ้านมองเห็นอาการทั้ง 2 สามี ส่วนใหญ่ชาวบ้านก็ไม่กล้าไปไหนต้องนั่งเฝ้าบ้านจนชาวบ้านผวากันทั้งหมูบ้านกล่าวในที่สุด หลังจากที่นั้นนายนิรันดร์ ลูกเขย และ น.ส.สุพรรณษา ได้หอบหิวถุงอาหารเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมกับสารภาพว่าได้ไปขอข้าวที่วัดร่องมะดูก มาโดยได้ทิ้งลูกชายวัย 1ขวบเศษ โดยได้ขังไว้ในห้องที่กระท่อม คนเดียว พร้อมกับสารภาพว่า ได้นำบานประตูไปขายให้ชาวบ้านหมู่ 6 จริง โดยอ้างว่าไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน โดยที่ไม่มีงานทำ 

ภาพ-ข่าว นายพชร พัสกุล   สมาคมสื่อมวลชนอุทัยธานี