นางรัตนา ขันติยู อายุ 70 ปี 194/1 ม.10 ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร พร้อมกับ นายณรงค์ศักดิ์ ขันติยู อายุ 65 ปี สามี เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรม จ.สกลนคร โดยบอกว่าตนทั้งสองอดีตเคยรับราชการ ครู มีความประสงค์ขอความเป็นธรรม กรณีถูกยึดทรัพย์ ปรกอบด้วยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยกรมบังคับคดีจังหวัดสกลนคร ซึ่งข้าพเจ้ามิได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับคดีแต่อย่างใด แต่กรมบังคับคดีได้ดำเนินการโดยไม่มีการตรวจสอบข้อมูลบุคคลตามทะเบียนราษฎร์ ว่านางรัตนา ขันติยู คนที่เกี่ยวข้องกับคดีการยึดทรัพย์ กับนางรัตนา ขันติยู เจ้าของทรัพย์ที่ถูกยึดนี้เป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่

กรณีนี้ ทำให้ข้าพเจ้าได้รับความเสียหายเป็นอย่างยิ่งทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง และทรัพย์สินอันเป็นทรัพย์ส่วนบุคคล จึงได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมเพื่อพิจารณายกเลิกคำสั่งถอนการยึดทรัพย์ของตน ซึ่ง จนท.รับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการต่อไป

ต่อมา สองสามีภรรยา ได้พาผู้สื่อข่าว ไปชี้สถานที่ เกิดเหตุซึ่งสำนักงานบังคับคดีได้นำเอกสารไปแปะไว้ในที่ดินแปลงเลขที่ 35215 เนื้อที่ 1 งาน 73 ตรว. อยู่ที่ตำบลพรรณานิคม โดยมีสิ่งปลูกสร้างจำนวนหลายหลัง ซึ่งไม่ทราบว่ามาติดตั้งแต่เมื่อใด แต่ในหนังสือลงวันที่ 23 ธันวาคม 2564 ซึ่งตนมาทราบเรื่องเมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา แต่มาติดเสาร์อาทิตย์ จนต่อมาเมื่อวัจันทร์ที่ 10 มกราคม จึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.พรรณานิคม ไว้เป็นหลักฐาน และเดินทางไปที่สำนักงานบังคับคดีก็ได้รับคำตอบว่าได้ตรวจสอบดีแล้ว ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะ ไม่มีการตรวจสอบเลขบัตร 13 หลัก คนชื่อรัตนา ขันติยู ไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่ทรัพย์สินกลับระบุอย่างถูกต้องเป็นโฉนดที่ดินของตน แถมยังถามหาคนชื่อกิจติพงษ์ ขันติยู ว่าเป็นสามีของตน ที่จริงแล้วสามีตนคือ นายณรงค์ศักด์ ขันติยู ซึ่งเขาจะไปกู้หนี้ยืมสินที่ไหนเท่าไรตนก็ไม่ได้มีส่วนร่วมอต่จะมายึดทรัพย์ตนเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง การทีาเอาหมายจากบังคับคดีมาแปะไว้ มีคนเห็นจำนวนมากเขาจะรู้สึกอย่างไรกับตน สร้างความอับอายแก่ตนและครอบครัวจนแทบนอนไม่หลับ เพราะตนไท่เคยมีบัตรเครดิต ไม่เคยทำนิติกรรมกับธนาคารใดๆ ทรัพย์สินที่ตนมีอยู่ก็ค่อนข้างมาก แล้วจะไปโกงเงินแค่นี้ทำไม นางรัตน กล่าว

https://youtu.be/JpPksamtTHI

ภาพ-ข่าว วัฒนะ แก้วก่า/สกลนคร