นายสำรวย  เกษกุล    รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ. ณัฐกิตต์ เจริญเกษสุวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองศรีสะเกษ   นายธนัชกฤศ  บุดดีเสาร์ ป้องกันจังหวัดศรีสะเกษ  พ.ต.ท.สุรพงศ์   วรพิมพ์รัตน์ รอง ผกก.(ป.)  พ.ต.ต.ทนงศักดิ์  ยะสูงเนิน สวป.สภ.เมืองศรีสะเกษ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.เมืองศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ อส.จ.ศรีสะเกษ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ บุกเข้าไปตรวจค้นภายในร้านแห่งนี้  เนื่องจากสืบทราบว่า มีการแอบลักลอบปล่อยให้มีการมั่วสุมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ซึ่งเมื่อรอง ผวจ.ศรีสะเกษและเจ้าหน้าที่ทุกส่วนเข้าไปภายในร้านพบว่า มีการเล่นดนตรีเสียงดังและมีลูกค้าผู้มาใช้บริการเป็นคนหนุ่มสาวจำนวนประมาณ  60 คน กำลังพากันนั่งดื่มกินอาหารกันอย่างสนุกสนาน

นายสำรวย  เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ จึงได้สั่งให้ทางร้านเปิดไฟสว่างและได้นำเจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในร้าน พบว่าบนโต๊ะมีอาหาร และเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทั้งเหล้าเบียร์  วางอยู่บนโต๊ะ  ซึ่งแก้วที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีการนำเอากระดาษมาห่อไว้เพื่อตบหน้าเจ้าหน้าที่  รอง ผวจ.ศรีสะเกษ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนผู้มาใช้บริการทุกคน และตรวจสอบใบอนุญาตผู้ประกอบการว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ จากนั้น ได้ให้เจ้าหน้าที่ทำการเก็บหลักฐานเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ทั้งหมด บิลรายการค่าอาหารที่มีการสั่งอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  โดยได้ทำการจับกุมผู้รับผิดชอบร้านแห่งนี้   จากนั้น นำตัวผู้ต้องหาและของกลางไปส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.เมือง ศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายสำรวย  เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า  จากการที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในขณะนี้  สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการมั่วสุมดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  ทำให้มีการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่ใกล้เคียงกับ จ.ศรีสะเกษ กำลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงมาก ซึ่งนายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนชาวศรีสะเกษ จึงได้มีข้อสั่งการให้เข้มงวดกวดขันห้ามมิให้จำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร สถานประกอบการ สถานบริการบันเทิง และร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ปฏิบัติตามคำสั่งหรือประกาศของจังหวัดศรีสะเกษอย่างเคร่งครัด หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที 

ตนจึงได้นำเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจที่ร้านแห่งนี้และพบว่า มีการฝ่าฝืนกฎหมาย เช่น  ก่อนที่จะเข้าไปภายในร้านไม่มีการคัดกรอง การนั่งโต๊ะอาหารไม่มีการเว้นระยะ ไม่มีการจัดเจลแอลกอฮอล์เพื่อล้างมือ ซึ่งมีการปล่อยให้คนเข้าไปใช้บริการในร้านเยอะมาก เท่าที่ดูบนโต๊ะก็พบว่ามีเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ แสดงว่าผู้ประกอบการมีการปล่อยให้มีการฝ่าฝืนดื่มแอลกอฮอล์ภายในร้านอย่างชัดเจน  ซึ่งเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นอย่างมาก  โดยพบของกลางเป็นสุราและเบียร์ พร้อมทั้งยังพบบิลรายการค่าอาหาร ที่มีการสั่งอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์  จึงจับกุมผู้รับผิดชอบร้านดังกล่าวพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า เป็นการกระทำฝ่าฝืนคำสั่ง  จ.ศรีสะเกษ  ที่  5721/2564  ลงวันที่  27  ธ.ค.2564  เรื่อง  มาตรการควบคุมพื้นที่เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา  2019  (โควิด-19)  (ฉบับที่  56)  ข้อ  8  ร้านจำหน่ายสุรา  อาหารหรือเครื่องดื่ม  สามารถให้บริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มในร้านตามปกติ  โดยห้ามบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน   ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้  อาจมีความผิดตามมาตรา  51  แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ  พ.ศ.2558  ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท  หรือตามมาตรา  52  แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ  พ.ศ.2558  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี  หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ  และอาจมีความผิดตามมาตรา  18  แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน  พ.ศ.2548  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี  หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท  หรือทั้งจำทั้งปรับ

ภาพ / ข่าว   ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ. ศรีสะเกษ