ที่หาดบ้านแก้ง ต.คูซอด อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางน้ำชื่อดังของ จ.ศรีสะเกษ  นายจรูญศักดิ์   ปัชฌาบุตร นายก อบต.คูซอด พร้อมด้วยนายไพโรจน์ โนนใหญ่ รอง นายก อบต.คูซอด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  ได้ลงมาตรวจสอบพื้นที่บริเวณนี้  เนื่องจากได้รับการร้องทุกข์จาก นางสำอาง สุดใจ อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ 18 ต.หนองหมี อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นเจ้าของแพจำหน่ายอาหารบริเวณริมแม่น้ำมูลชื่อ แพเจ๊บาง ว่า ทางลงไปยังแพเจ๊บาง ซึ่งเป็นทางสาธารณะใช้งานมานานแล้ว ได้มีกลุ่มบุคคลนำเอาเสารั้วมาปักปิดกั้นทางลงไปหาดบ้านแก้ง ทำให้นางสำอางกับพวกไม่สามารถที่จะลงไปทำการซ่อมแซมปรับปรุงแพจำหน่ายอาหารที่ได้รับความเสียหายจากการถูกน้ำท่วมนานกว่า 2 เดือน เพื่อเปิดจำหน่ายอาหารบริการนักท่องเที่ยวได้  ซึ่ง นายก อบต.คูซอดและคณะ พบว่า มีการนำเอาเสารั้วมาปักปิดกั้นทางลงจริง ดังนั้น จึงได้นำเอาแผนที่มาทำการตรวจสอบว่า บริเวณดังกล่าวนี้มีแนวเขตพื้นที่ดินเป็นอย่างไรบ้าง

นางสำอาง สุดใจ อายุ 63 ปี  เจ้าของแพจำหน่ายอาหาร แพเจ๊บาง  กล่าวว่า มีกลุ่มบุคคลมาปิดทางสาธารณะทางลงไปแพหาดบ้านแก้งซึ่งเป็นทางขึ้นทางลงไปสู่หาดบ้านแก้งทำให้ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ มีแพอยู่ 2 รายแต่อีกรายหนึ่งไม่โดนปิด แต่แพของตนคือแพเจ๊บาง โดนปิดทางลง โดยมีคนเอาเสารั้วมาปิดทางเข้า – ออกตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ทำให้พวกตนได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากว่าไม่สามารถที่จะลงไปทำการค้าเปิดแผงขายอาหารที่หาดบ้านแก้งได้ ตรงนี้เป็นทางขึ้นลงทางสาธารณะที่เป็นมานานแล้วตั้งแต่ยังไม่มีสะพานข้ามแม่น้ำมูล บริเวณนี้ตนมาประกอบการค้ามานานมากกว่า 30 ปีแล้ว แต่ก่อนบริเวณนี้ก็ไม่เคยมีใครมาเรียกร้องสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาช่วยเหลือดูแลด้วย เพราะว่าได้รับความเดือดร้อนมาก ขณะนี้ระดับน้ำของแม่น้ำมูลก็ลดลงแล้ว แต่ว่ายังไม่สามารถเปิดร้านได้เนื่องจากว่าจะต้องทำการปรับปรุงซ่อมแซมแพและร้านอาหารเสียก่อน เนื่องจากถูกน้ำท่วมมานาน จะต้องปรับปรุงถนนหนทางใหม่ทั้งหมด แต่ว่าพวกตนไม่สามารถที่จะลงไปที่แพบริเวณหาดบ้านแก้งได้ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินหลายแสนบาท เนื่องจากว่าขายอาหารแต่ละวันก็มียอดขายพอสมควร แต่ว่าร่วมหนึ่งเดือนแล้วที่โดนปิดทางขึ้นลงแบบนี้

นายไพโรจน์ โนนใหญ่ รอง นายก อบต.คูซอด กล่าวว่า จากการที่ได้ตรวจดูแผนที่บริเวณนี้แล้ว ตนขอยืนยันว่าที่บริเวณนี้เป็นที่สาธารณะประโยชน์ทุ่งขะยอม ที่เรากำลังตรวจดูกันอยู่นี้ เมื่อเป็นที่สาธารณะประโยชน์ ทาง อบต.คูซอด ก็มีอำนาจหน้าที่ดูแลพื้นที่ตรงนี้เพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ให้กับรัฐ ความรู้สึกจริงๆ จากการที่ได้มาตรวจสอบดูตรงนี้แล้วก็คือ อยากจะผลักดันให้ผู้ที่บุกรุกออกไปเพื่อที่ อบต.คูซอด จะได้สร้างเป็นจุดท่องเที่ยวโดยคณะบริหารชุดนี้

นายจรูญศักดิ์   ปัชฌาบุตร นายก อบต.คูซอด กล่าวว่า ลักษณะของแพบ้านแก้งจะมีอยู่ 7- 8 แพ น้ำท่วมลดลงแล้ว แต่ว่าหลังจากน้ำท่วมลดลงก็มีการร้องเรียนกันขึ้นไปที่ อบต.คูซอด ซึ่งเป็นส่วนราชการที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่บริเวณนี้ซึ่งเป็นที่สาธารณะอยู่ตรงนี้ ทั้ง  2 ฝ่ายก็ร้องเรียนกันมาโดยตลอดว่า อีกแพหนึ่งมาปิดกั้นทางลงอีกแพหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ถูกกันมานานแล้วตนก็ได้ทำการไกล่เกลี่ยมา 2 – 3 ครั้งแล้ว บางครั้งก็มีนายอำเภอเมืองศรีสะเกษมาร่วมในการไกล่เกลี่ยด้วย หลังจากนั้นก็ไม่เข้าใจกันก็เลยร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองศรีสะเกษและจังหวัดศรีสะเกษ  ประเด็นการร้องเรียนก็คือการมาฝังรั้วไม่ให้อีกแพหนึ่งซึ่งเป็นคู่กรณีลงไปได้ โดยอ้างว่าฝ่ายหนึ่งมีสิทธิ์ในการครอบครอง ซึ่งที่บริเวณนี้ตามที่ อบต.คูซอด ได้ดูในแผนที่แล้ว มันก็รู้สึกว่าเป็นที่สาธารณะประโยชน์ ตนจะทำการแก้ไขโดยจะทำการเชิญทั้ง 2 ฝ่าย มาทำการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่งเพื่อความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยจะเชิญทางศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองศรีสะเกษมาเป็นพยานและกรมเจ้าท่า ให้มาช่วยในการไกล่เกลี่ยด้วย ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็จะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยทาง อบต.คูซอด จะทำการหาทางที่จะให้ยุติเรื่องความขัดแย้งนี้ให้ได้ แต่หากว่าไม่สามารถตกลงกันได้ก็จะต้องใช้มาตรการทางกฎหมายโดยดำเนินคดีข้อหาบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ต่อไป ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องพูดคุยกันให้ลงตัวจะเป็นการดีที่สุด

ภาพ / ข่าว ศิริเกษ   หมายสุข ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ศรีสะเกษ