พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ รองผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อตรวจเยี่ยมการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี65 ณ ที่ว่าการอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พล.ท.อภิเชษฐ์  ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 ,พล.ต.สันติ  สุขป้อม ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ให้การต้อนรับ    ซึ่งในพื้นที่ มณฑลทหารบกที่ 33 มียอดทหารกองเกิน ในพื้นที่จำนวน    8,468 นาย โดยมียอดทหารกองเกินที่ต้องการเข้ากองประจำการ  จำนวน 2,396 นาย เป็น แผนกทหารบก ผลัดที่ 1, 2 จำนวน 2,051 นาย(ส่งหน่วยในพื้นที่ มทบ.33 (จังหวัดเชียงใหม่) จำนวน 1,194 นาย , ส่งช่วย มทบ.32 (จังหวัดลำปาง) จำนวน 187 นาย, ส่งช่วย มทบ.310 (จังหวัดตาก) จำนวน 287 นาย และ ส่งช่วย ทภ.1 จำนวน 383 นาย และเป็นแผนกทหารอากาศ ผลัดที่ 1, 2 จำนวน   345   นาย

ในส่วนทหารกองเกินที่ต้องการเข้ากองประจำการ  ของ อ.หางดง วันนี้ มียอดทหารกองเกิน จำนวน   203   นาย ซึ่งได้ตัดยอดจำนวนคนที่ไม่นำมาแบ่งเฉลี่ย คือ คนที่ส่งหมายไม่ได้ฯ และคนผ่อนผัน  ยอดทหารกองเกินที่ต้องการเข้ากองประจำการ  จำนวน 56  นาย เป็นแผนกทหารบก ผลัดที่ 1, 2 จำนวน        56    นาย  ทั้งนี้มณฑลทหารบกที่ 33 ได้จัดพื้นที่ในการตรวจเลือกทหาร และได้จัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ บริการตัดผมฟรี พร้อมจัดรถครัวสนามปรุงอาหารสดใหม่แจกจ่ายให้กับครอบครัวน้องๆที่เข้ารับการตรวจเลือกในวันนี้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวอยู่ภายใต้มาตรการควบคุมโรคโควิด -19 ของจังหวัดเชียงใหม่อย่างเคร่งครัด

จากนั้นรองผู้บัญชาการทหารบกพร้อมคณะตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานของ กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3  ส่วนหน้า ( บก.คฟป.ทภ.3 สน. ) ที่สโมสรยอดทัพบันเทิง กองพลทหารราบที่ 7 อ.แม่ริม โดยมี พล.ต.ประสิษฐิพงศ์ มูลดี รองผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ  กองทัพภาคที่ 3  ฝ่ายเสนาธิการให้การต้อนรับ เพื่อรับทราบสถานการณ์ แนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ภายหลังจากที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าคุณภาพอากาศเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในหลายจังหวัด 

 แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ที่ผ่านมากองบัญชาการควบคุมสถานการณ์  ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ  กองทัพภาคที่ 3 ได้ยึดถือนโยบายในการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องเร่งรัดแก้ไขปัญหา โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคเอกชน และประชาชน พร้อมกำหนดเป้าหมาย ปี65 ในการลดจำนวนวันที่ฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ลดจำนวนพื้นที่ไฟป่า (Burn Scar)  และลดจุดความร้อน (Hot Spot) จากปี 64 ลงมากกว่า 20 % ตามเป้าหมายของรัฐบาล ซึ่งได้เพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานโดยการสร้างเครือข่ายภาคประชาสังคม รวมถึงการใช้จิตอาสาเข้าร่วมการปฏิบัติ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่เกิดไฟป่าซ้ำซาก  ให้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนและร่วมดับไฟป่า ตลอดจนควบคุมการเกิดไฟป่าและหมอกควัน ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่

สำหรับปีนี้ได้มีการขับเคลื่อนระบบการบริหารงานแบบ Single Command โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และริเริ่มการใช้เทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นตรวจวัดคุณภาพอากาศ  การเกิดจุดความร้อน  โดยใช้ข้อมูลดาวเทียม มาตรวจสอบ เพื่อช่วยการตัดสินใจในการประชุมสั่งการและดำเนินการดับไฟป่า อย่างรวดเร็ว พร้อมส่งเสริมบทบาทเครือข่ายภาคประชาชนให้เป็นกำลังสำคัญ  ในการสนับสนุนกิจกรรมของภาครัฐ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการปรับพฤติกรรม เปลี่ยนวิถีการดำรงชีพแบบดั้งเดิม สำหรับสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในปัจจุบัน ตั้งแต่ ธ.ค. 64 ถึง มี.ค. 65 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ  มีจุดความร้อน ลดลง 65%  ส่งผลให้ค่าคุณภาพอากาศดีกว่าปีที่ผ่านมา

ภาพ-ข่าว เกษ