เด็กสาว อายุ 15 ปี เรียนอยู่ ม.3 เปิดเฟสบุ๊กสาธารณะมีกลุ่มเยาวชนเข้ามาตีสนิทชักชวนพาไปทำงาน อยากหางานทำหารายได้พิเศษช่วยเหลือครอบครัวจึงตกลง กลุ่มวัยรุ่นได้พาทำบัตรประชาชนและเปิดบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 1 บัญชี ก่อนที่จะนำข้อมูลบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีออนไลน์เพิ่มอีก 5 บัญชี  ต่อมาไม่นาน ตำรวจออกหมายเรียน 4 จังหวัด  แม่ตกใจเช็ค Statememt บัญชีลูกพบมีเงินหมุนเวียนผ่านบัญชีร่วม 10 ล้านบาท จึงพาลูกสาวเข้าติดต่อขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เพราะคาดว่าหลังจากนี้จะมีหมายเรียกจากสถานีตำรวจตามมาอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ  กลัวลูกสาวจะหมดอนาคต และครอบครัวไม่มีเงิน วอนขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือครอบครัวด้วย

รายที่ 2 แม่ทำงานปั้มน้ำมันได้ถูกเพื่อนที่เคยทำงานร่วมกันหลอกให้เปิดซิมมือถืออ้างว่าต้องเปิดโปร แม่ตกลงเปิดโปรซิมมือถือได้เงินซิมละ 100 บาท  จึงให้ลูกสาววัย 16 ปี เปิด 6 ซิม  ส่วนตนกับสามีเปิดอีก 7 ซิม รวมกันเป็น 13 ซิม ต่อมาไม่นานมีหมายเรียกจากสถานีตำรวจ 11 หมาย 11 จังหวัด เช่น กทม. ,จ.เชียงใหม่ ,จ.ภูเก็ต ,จ.พะเยา ,จ.พิษณุโลก ,จ.ระยอง ,จ.พังงา  ทั่วประเทศ  พาลูกสาวเข้าแจ้งความ เข้าติดต่อขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เพราะคาดว่าหลังจากนี้จะมีหมายเรียกจากสถานีตำรวจตามมาอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ  ตำรวจแจ้งให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาซึ่งตนไม่มีเงินจะเดินทางไปทั่วประเทศ จึงมาขอให้มูลนิธิปวีณาฯช่วยเหลือเหลือ

นางปวีณา  หงสกุล  ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวว่า  น่าเป็นห่วงเด็กและเยาวชน เพราะกระบวนการมิจฉาชีพ มุ่งเป้า หลอกเด็กเยาวชน เพราะเข้าถึงง่าย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ปกครองตลอดจน กระทรวงศึกษา เตือนภัยเด็กและเยาวชนอย่าหลงเชื่อเปิดบัญชีหรือซิมมือถือโดยเด็ดขาด โดยนางปวีณา จะนัดหมายและพา ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย  กรณีนี้เป็นเรื่องใหญ่ครอบคลุมไปทั่วประเทศ จึงจะพาผู้เสียหายทั้ง 2 ราย  เข้าพบ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์  หักพาล  ผู้ช่วย ผบ.ตร.  เพื่อให้ข้อมูลขยายผลติดตามขบวนการเหล่านี้มาดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

ทีมข่าว THAIREFERENCE