นนทบุรี พลตำรวจโท วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงจับผลการจับกุม 2 คดี

3

คดีแรก เป็นการแถลงผลการปฎิบัติการ Operqtion job scam รุกฆาตแก๊งหลอกทำภารกิจ จับกุมผู้ต้องหาได้ 17 คน ยึดทรัพย์ได้เกือบ 5 ล้านบาท โดยพฤติการณ์ของมิจฉาชีพกลุ่มนี้จะใช้วิธีการหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินทำภารกิจ โดยโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียล หรือ ทักแชทหาผู้เสียหายเพื่อเสนอให้ทำงานที่ง่ายแต่รายได้ดี เช่น การดูวิดีโอบน youtube เพิ่มยอดวิว , การกดรีวิวสินค้า , การออเดอร์สินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่แพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง หากมีเหยื่อหลงเชื่อมิจฉาชีพจะให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อรอรับผลตอบแทน ซึ่งในครั้งแรกจะให้ลงทุนในจำนวนน้อยแล้วได้ผลตอบแทนกลับมาจริง ทำให้เหยื่อหลงเชื่อตายใจว่าทำแล้วได้เงินจริง จากนั้นมิจฉาชีพจะหลอกล่อให้ผู้เสียหายค่อย ๆ โอนเงินในจำนวนที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ หากผู้เสียหายต้องการถอนเงินคืน มิจฉาชีพจะอ้างเหตุผลให้โอนเงินจนถึงขั้นต่ำ หรือ ให้โอนเงินค่าภาษี , ค่าธรรมเนียม หรือค่าอื่น ๆ จึงจะถอนเงินคืนได้ และทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเหยื่อจะรู้ตัวว่าโดนหลอกลวง สุดท้ายก็ไม่สามารถถอนเงินคืนได้

สำหรับปฎิบัติการในครั้งนี้ เริ่มจากมีผู้เสียหายที่เป็นเด็กนักเรียน ม.4 ในจังหวัดนครราชสีมา ไปพบ Instagram ชื่อ “g rayhuman” ได้โพสต์รับสมัครงานดูวิดีโอในเว็บไซต์ YouTube โดยอ้างว่าเพื่อเพิ่มยอดคนเข้าชม และรับประกันรายได้จริง จึงได้เพิ่มเพื่อนในแอปพลิเคชั่น LINE และติดต่อผ่านแอดมิน จากนั้นจึงได้แชทพูดคุยกัน โดยแอดมินได้หลอกให้โอนเงินลงทุน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เงินตามที่ตกลง โดยเด็กนักเรียนผู้เสียหายรายนี้ได้โอนเงินไป จำนวน 16 ครั้ง รวม 302,500 บาท ในช่วงเดือนธันวาคม 2565 ถึง มกราคม 2566

เมื่อทราบเรื่อง ตำรวจ บก.สอท.3 จึงสืบสวนขยายผลวิเคราะห์เส้นทางการเงินของกลุ่มคนร้าย โดยนำไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีบัญชีม้าในแถวที่ 2 ในคดีนี้ ไปเชื่อมโยงเป็นบัญชีม้าแถวที่ 1 ในคดีอื่นอีก 121 คดี และมีความเกี่ยวพันกันในหลายพื้นที่ โดยแก๊งคนร้ายรายนี้ มียอดเงินหมุนเวียนในรอบ 6 เดือน ไม่ต่ำกว่า 230 ล้านบาทอีกทั้งยังพบว่า มิจฉาชีพแก๊งนี้มีการตั้งบริษัททำธุรกิจแก๊สบังหน้า มีเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท แต่พอไปตรวจสอบที่อยู่ตามหลักฐานการจดทะเบียนบริษัทก็พบว่า เป็นบ้าน ทาวน์เฮ้าส์เก่าๆ ที่มีผู้อื่นให้เช่า

ต่อมาตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวการ และบัญชีม้าได้ 38 ราย และขอศาลอนุมัติหมายค้นเพื่อตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี , นนทบุรี และสระแก้ว จนมาสู่ปฎิบัติการครั้งนี้ สามารถจับผู้ต้องหาได้ 17 ราย ยึดของกลางมีเงินสด 3 ล้านบาท , ทองรูปพรรณ หนัก 13 บาท และอายัดเงินในบัญชีได้อีกกว่า 2 ล้านบาท จึงดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันฟอกเงินจากการรวบรวมสถิติของศูนย์บริหารการรับแจ้งความออนไลน์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 31 ตุลาคม 2566 คดีที่ผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อทำงาน หรือทำภารกิจ มากเป็นอันดับที่ 2 มียอดผู้เสียหาย จำนวน 46,488 ราย รวมมูลค่ากว่า 5,700 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีเยาวชนตกเป็นเหยื่อ 1700 ราย มีมูลค่าความเสียหายกว่า 14 ล้านบาท ส่วนที่การหลอกลวงที่มีผู้เสียหายมากเป็นอันดับ 1 คือ การหลอกขายของ

อีกคดี เป็นการจับกุมคนร้ายสวมรอยใช้ชื่อ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุวิมล สร้างเพจ Facebook ปลอม ชักชวนให้ประชาชนทำใบขับขี่ออนไลน์ โดยไม่ต้องมาสอบด้วยตนเอง เมื่อมีผู้เสียหายสนใจทักสอบถามไป คนร้ายจะให้ผู้เสียหายเลือกประเภทของการทำใบขับขี่ และให้เตรียมเอกสารที่ต้องใช้ เช่น ถ่ายหน้าบัตรประชาชน , หมายเลขโทรศัพท์ , รูปหน้าตรง และที่อยู่ปัจจุบัน จากนั้นจะให้ผู้เสียหายจ่ายค่ามัดจำ 500 บาท แล้วส่งรูปบัตรส่งให้ผู้เสียหาย เพื่อให้จ่ายเงินอีก 3,999 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใบขับขี่แต่อย่างใด มีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก

ต่อมาตำรวจพบว่า มีผู้ก่อเหตุ 2 คน คือ นายกฤษณพล และนายอนิวรรต จึงออกหมายเรียกและเชิญตัวมารับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหา ฉัอโกง และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งผู้ก่อเหตุรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา โดยตำรวจพบว่ามีเงินหมุนเวียนอยู่ในบัญชีของผู้ก่อเหตุหลักแสนบาท และจะขยายผลว่า มีการแอบอ้างเป็นบุคคลอื่นอีกหรือไม่ และมีผู้ร่วมก่อเหตุอีกกี่คน

ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here