ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พ.ต.ท.ติรัส ตฤณเตชะ รองผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด พ.ต.ท.วรพจน์ ฉิมลอยลาภ สว.สส.สภ.ปากเกร็ด พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.ปากเกร็ด ร่วมกันจับกุมตัวน.ส.สาธิกุล ศ อายุ 40 ปี อาชีพ ผู้ช่วยทันตแพทย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ได้ที่คลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่ง ม.5 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตำรวจแจ้งข้อหา ลักทรัพย์ในเคหะสถาน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ส.ค.66 เวลา 14.26 น. น.ส.สาธิกุล ผู้ต้องหา ได้บุกเดี่ยวก่อเหตุขโมยทรัพย์สินภายในบ้านหลังหนึ่งซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง ภายในหมู่บ้านลานทอง ซอย 15 อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยย่องเข้าไปในบ้านพักผู้เสียหายกลางวันแสกๆก่อนถอดปลั๊กกล้องวงจรปิดภายในบ้าน แล้วขึ้นไปก่อเหตุขโมยทรัพย์สินถายในห้องนอนผู้เสียหายหลายรายการ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 350,000 บาท
น.ส.สาธิกุล ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตอนก่อเหตุตนเดินเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายเปิดประตู แล้วถอดสายกล้องวงจรปิด ก่อนเดินขึ้นไปหยิบทองที่ห้องนอนผู้เสียหาย เท่าที่จำได้มีเงินสดประมาณ 13,000 บาท สร้อยทอง สร้อยข้อมือและพระองค์เล็ก 1 องค์ ซึ่งตนไม่ได้วางแผนที่จะก่อเหตุบ้านหลังดังกล่าวเพราะไม่เคยผ่านไปแถวนั้น แต่วันก่อเหตุนั่งรถแท็กซี่เข้าไปในหมู่บ้าน เห็นว่าบ้านไม่ได้ล็อก และไคนอยู่จึงลงมือก่อเหตุ หลังจากได้ของไปแล้วนำไปขายที่ร้านทองได้เงินมาประมาณ 70,000 กว่าบาท รวมเงินสดเป็น 80,000 กว่าบาท สาเหตุเพราะมีปัญหาเรื่องเงินไม่พอใช้ ไม่ได้ติดยา ไม่ติดการพนัน ไม่มีหนี้สิน ก่อเหตุครั้งนี้ครั้งที่ 2 และเคยโดนจับมาแล้วพึ่งออกจากคุกได้ไม่ถึง 3 เดือน สุดท้ายอยากขอโทษทางผู้เสียหายตนไม่ได้เจตนาจะทำแบบนี้ เพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ที่ทำไปเพียงแค่นำเงินมาจะใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น โดยส่วนตัวมีครอบครัวแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตตัวคนเดียว ตอนแรกตนอาศัยอยู่ปากเกร็ดหลังก่อเหตุจึงย้ายไปปทุมธานีไปทำฃานเป็นผู้ช่วยทันตแพทย์ก่อนถูกตำรวจจับกุมตัว
นางบรรพอร ธรรมวรัญจน์ อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนได้ไปแจ้งความที่สภ.ปากเกร็ด มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนอยู่ตลอดทางตำรวจแจ้งตนว่าหลังจากไล่กล้องวงจรปิดเส้นที่ผู้ต้องหาหลบหนีทราบว่าผู้ก่อเหตุได้เรียกแท็กซี่แล้วไปลงที่เซนทรัลเวสเกต ก่อนจะเดินทางไปคลินิกย่านบางใหญ่ นำเงินที่ก่อเหตุขโมยมา 13,000 บาท ไปฉีดโบท็อก ทางตำรวจจึงสืบสวนและตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้
นายธานินทร์ ธรรมวรัญจน์ อายุ 33 ปี สามี ผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรหาตนว่าจับผู้ต้องหาได้แล้ว ตนจึงเดินทางไปสภ.ปากเกร็ด และได้สอบถามผู้ก่อเหตุถึงทรัพย์สินที่ขโมยไป ทางผู้ก่อเหตุก็ให้ข้อมูลไม่ตรงกับทรัพย์สินของตนที่หายไปจริงประมาณ 10 รายการ แต่ผู้ก่อเหตุอ้างได้ได้ไปเพียง 3 รายการ โดยนำไปขายร้านทองแถวบางใหญ่ ได้เงินมาประมาณ 80,000 บาท รวมเงินสดที่ขโมย ตอนนี้ถึงแม้ว่าตนไม่ได้ของกลางแม้แต่ชิ้นเดียวคืน แต่ก็รู้สึกดีที่ตำรวจจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ และขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็วเพราะจะได้ไม่ไปก่อเหตุลักษณะนี้กับใครอีก จากที่ได้ข้อมูลมาผู้ต้องหารายนี้เคยโดนจับข้อหาลักทรัพย์ พึ่งออกจากคุกมาไม่นาน รอบนี้ก็ขอให้พอได้แล้วกับการทำพฤติกรรมแบบนี้
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี