ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบยังกุฏิเจ้าอาวาสวัดหงษ์ทอง ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังรับแจ้งจากทางไวยาวัจกรของวัดว่า มีมิจฉาชีพแอบอ้างตัวเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี โทรศัพท์เข้ามายังเบอร์มือถือของเจ้าอาวาสวัด โดยอ้างว่าจะมาทอดกฐินสามัคคีที่วัด ในวันที่ 24 ส.ค. 66 นี้ โดยมิจฉาชีพที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี จะร่วมทำบุญ 200,000 บาท
มีเจ้าภาพร่วม ชื่อนายบุญชัย (ญาติของภรรยาผู้ว่าฯ) อีก 1 ล้าน และมีบุคคลอื่นร่วมทำบุญอีก 574,000 บาท นอกจากนี้มิจฉาชีพยังบอกอีกว่าจะถวายของอีกมากหมาย อาทิเช่น บ้านน็อคดาวน์ ทรงไทย 1 หลัง เครื่องปั่นไฟดีเซล 2 เครื่อง รถกระบะโตโยต้า รีโว่ 1 คัน โซฟาหลุย 4 ชุด โต๊ะหมู่ไม้มุก 2 ชุด พระบูชา 19 องค์ คอมพิวเตอร์ ตั้งโต๊ะ 8 ชุด โน๊ตบุ๊ค 5 เครื่อง เครื่องถ่ายเอกสาร 2 เครื่อง ปริ้นท์เตอร์ 2 เครื่อง นาฬิกาลูกตุ้มมุก 2 หลัง โต๊ะ เก้าอี้ ตู้ สำนักงาน โต๊ะประชุมหินอ่อน 8 เมตร 2 ชุด ชุดพระบูชา โต๊ะหมู่ และโปรเจ็คเจอร์ 2 ชุด
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเงิน และข้าวของที่จะถวายกับทางวัดเสร็จ มิจฉาชีพได้ใช้เล่ห์กลอุบายต่างๆให้ทางวัดหลงเชื่อ โดยได้อ้างว่าทางผู้ว่าฯมอบหมายให้นายสมบูรณ์เป็นตัวแทนผู้ประสานงานเรื่องบริจาค และพูดคุยกับทางไวยาวัจกรวัดว่าให้โอนเงินค่าพาหนะ ค่าคนงาน ที่จะนำสิ่งของมามอบให้กับทางวัดด้วย จำนวนเงินประมาณ 30,000 บาท โชคดีที่ทางเจ้าอาวาสวัดและไวยาวัจกรวัดไหวตัวทัน เพราะเคยคุยและเจอตัวกับผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีตัวจริงมาก่อนแล้ว จึงรู้ว่าเสียงของคนที่โทรเข้ามาในสายไม่ใช่เสียงของผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี
พระครูกิตติเขมาภิรม เจ้าคณะตำบลบ้านใหม่ และเป็นเจ้าอาวาสวัดหงษ์ทองเปิดเผยว่า อาตมาโดนคนโทรมาหลอกทำบุญงานกฐินแล้วให้โอนเงินค่าถวายสิ่งของ ตอนนั้นทำวัดเสร็จออกจากอุโบสถมา พอดีไวยาวัจกรขับรถเข้ามาที่วัด ตามปกติจะเข้ามาช่วงบ่าย จังหวะพอดีมิจฉาชีพโทรเข้ามาอาตมาจึงรับสาย เขาแนะนำตัวว่าชื่อ สุธี ทองแย้ม เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ที่เคยเข้ามาถวายโฉนดที่ดินที่วัด มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญทอดกฐินกับทางวัด มีใครจองกฐินหรือยัง อาตมาตอบไปว่ามีแล้วแต่เปิดเป็นสามัคคีสามารถร่วมได้ มิจฉาชีพแจ้งว่าต้องการร่วมทำบุญจำนวนเงิน 200,000 บาท และมีนายบุญชัยญาติทางภรรยาของผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ร่วมอีก 1,000,000 บาท ซึ่งนายบุญชัยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายต้องการสร้างบุญก้อนใหญ่ หากทางวัดมีอะไรที่ต้องการบูรณะ เขาต้องการร่วมทำบุญด้วย แต่เบื้องต้นต้องการทำบุญทอดกฐินก่อน อาตมาเลยส่งสายให้ไวยาวัจกรคุยรายละเอียด หลังจากคุยงานบุญเสร็จ มิจฉาชีพบอกว่านายบุญชัยมีโรงงานที่ขายกิจการแล้วที่ จ.ชลบุรี แต่มีของบางส่วนที่ต้องการจะถวายวัดมีรายละเอียดอะไรให้ติดต่อคุณสมบูรณ์ ผู้ประสานงานว่าต้องการขนของมาถวายวัดอย่างไร ซึ่งมิจฉาชีพได้บอกว่ามีพวกบ้านน็อกดาวน์ เครื่องใช้สำนักงาน รถยนต์ โต๊ะหมู่บูชา เครื่องปั่นไฟ และอื่นๆอีกหลายรายการที่ต้องการถวายวัด ซึ่งอาตมาก็รู้ว่าถูกหลอก เพราะเสียงคนที่พูดด้วยไม่ใช่เสียงของผู้ว่าราชการจังหวัด อย่างแน่นอน จึงไม่ได้โอนเงินไป
พระครูกิตติเขมาภิรม กล่าวต่ออีกว่า ช่วงที่มีการทำบุญเข้าพรรษาจะมีคนเข้ามาจองกฐิน และจะมีมิจฉาชีพแฝงเข้ามาขอร่วมทำบุญด้วยเงินจำนวนมาก อย่าไปหลงเชื่อเพราะเป็นคอลเซ็นเตอร์ให้โอนเงินเข้าไปเพื่อประโยชน์อย่างอื่นก่อนที่จะนำเงินมาถวายวัด ช่วงนี้กำลังระบาด ฝากถึงทุกวัดอย่าไปหลงเชื่อกับเอกลาภที่จะมาเป็นก้อนใหญ่ เพราะบางทีโอนเงินไปแต่ไม่มีส่วนที่ได้คืนมา
นายนิรันทร์ เปิดชั้น อายุ 51 ปี ไวยาวัจกรวัดหงษ์ทอง กล่าวว่า ตนได้คุยกับทางมิจฉาชีพต่อจากท่านเจ้าอาวาส เขาบอกชื่อนายสมบูรณ์ที่อ้างว่าเป็นผู้ประสานงานแทนท่านผู้ว่าฯ แจ้งว่ามีค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้าย เหมารถมาโดยให้ทางวัดเป็นผู้ดำเนินการออกเงิน จำนวน 27,000 บาท ค่ารถบรรทุก 6 คัน คันละ 4,500 บาท ขอค่าแรงคนงาน ค่าข้าว รวมประมาณ 30,000 บาท ให้ทางวัดดำเนินการแล้วแต่จิตศรัทธา โดยให้โอนเงินไปก่อนเพื่อขนย้ายมา ตอนนั้นรู้สึกเอะใจเพราะส่วนตัวพอรู้จักกับทางท่านผู้ว่าฯอยู่บ้าง จึงแอบโทรไปตรวจสอบกับทางทีมของท่านผู้ว่าฯ ทีมแจ้งว่าท่านผู้ว่าฯอยู่ที่บ้าน แต่ที่คุยบอกว่าอยู่หาดใหญ่กำลังจะไปประเทศมาเลเซีย ตนจึงปล่อยไปตามแผนของมิจฉาชีพก่อน ขอชื่อ เบอร์โทร ขอหมายเลขบัญชีต่าง ๆ ตามน้ำไปแต่ไม่ได้โอน เชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ ก็อยากฝากถึงวัดทุกวัดอย่าได้หลงเชื่อมิจฉาชีพที่ออกอุบายในลักษณะนี้
ภาพ/ข่าว ฉัตรมงคล สิงห์โต ผู้สื่อข่าว จ.นนทบุรี
