ความคืบหน้ากรณีที่ชาวบ้านริมแม่น้ำโขงออกมาคัดค้านการสร้างเขื่อนปากแบง (Pak Beng) ซึ่งจะกั้นแม่น้ำโขง ที่เมืองปากแบง แขวงอุดมไซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.) ลาว อยู่ห่างจากชายแดนไทยด้าน อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย กว่า 90 กิโลเมตร โดยล่าสุดคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องขอให้ทบทวนการลงนามสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบง
ทั้งนี้เนื้อหาสำคัญที่ กสม.ส่งถึงนายกรัฐมนตรีระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน อ.เชียงของ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 กรณีรัฐบาลไทย โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทำสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบง โดยผู้ร้องเห็นว่าโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจาก จ.เชียงราย เพียง 97 กม. และจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย จึงขอให้ตรวจสอบและมีข้อเสนอแนะ
โดยเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 และ 14-15 กันยายน กสม. ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและประชุมกับผู้เกี่ยวข้อง ปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้ 2.1 ประชาชนไม่ได้รับทราบข้อมูลเพียงพอเกี่ยวกับผลกระทบจากโครงการเขื่อนปากแบง อีกทั้งการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงตอนบนที่ผ่านมา มีผลกระทบสะสม เช่น ระดับน้ำขึ้นลงผิดปกติ เกิดข้อพิพาทการอ้างสิทธิครอบครองเกาะดอนแม่น้ำโขง ทั้งนี้ผู้พัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบงไม่ได้ศึกษาและประเมินผลกระทบข้ามพรมแดนตามข้อห่วงกังวลของประชาชน ซึ่งหน่วยงานในพื้นที่ อ.เวียงแก่น อ.เชียงของ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย รวมทั้งภาคประชาชนได้แสดงข้อห่วงกังวลและสอบถามหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับข้อมูลความชัดเจน
หนังสือกสม.ยังระบุอีกว่า เมื่อปี 2562 กรมทรัพยากรน้ำได้จัดทำโครงการสำรวจภูมิประเทศเพื่อกำหนดขอบเขตพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม จ.เชียงราย จากการพัฒนาโครงการเขื่อนปากแบง โดยสำรวจค่าพิกัด พบว่าหากเขื่อนปากแบงมีระดับกักเก็บน้ำ 349 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง จะมี 10 หมู่บ้านที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วม ได้แก่ บ.หัวเวียง บ.เวียงแก้ว บ.โจ้โก้ บ.เต๋น บ.ปากอิงใต้ บ.ปากอิง บ.ห้วยเอียน บ.แจมป๋อง บ.ไทยเจริญ และบ.ห้วยลึก
ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องนำข้อห่วงกังวลและความเห็นของประชาชนไปพิจารณาก่อนจะตัดสินใจดำเนินการใดอันจะกระทบต่อความเป็นอยู่อย่างสงบสุขของประชาชนหรือชุมชน ดังนั้นจึงของให้รัฐบาลไทย โดยกฟผ.ทบทวนการลงนามสัญญาซื้อไฟฟ้าจากโครงการเขื่อนปากแบงเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประชาชน” หนังสือของ กสม. ระบุ